เปิดใจ ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี คว้าโควตาโอลิมปิก สมัยที่ 3
27 พ.ค. 2563 | ข่าวเด่น



เปิดใจ ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี คว้าโควตาโอลิมปิก สมัยที่ 3

"เจ้าสด" จ.ส.อ.ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี นักชกจอมเก๋า รุ่น 57 กก. เกิด เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2528 สูง 166 ซม. อายุ 35 ปี เป็นชาว อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ผ่านสังเวียนการชกมวยสากลมาอย่างโชกโชน โดยคว้าโคตาโอลิมปิก ในรอบคัดเลือกโซน เอเชีย-โอเชียเนีย ที่ประเทศจอร์แดน เมื่อเดือน มี.ค. 2563 เป็นสมัยที่ 3 เริ่มจาก สมัยแรก ที่ มหานคร ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ปี 2012 รุ่น 52 กก. , สมัยที่ 2 รุ่น 56 กก. ที่กรุง ริโอ เดอ จากเนโร ประเทศบราซิล ปี 2016 มาฟังบทสัมภาษณ์แบบเปิดใจถีงการที่คว้าโควตาโอลิมปิก สมัยที่ 3 ติดต่อกันของเขากัน

"เจ้าสด" เริ่มชกมวย ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ชกมวยไทยมาก่อน มี พ่อ เทือน บุตรดี เป็นครูมวยไทยคนแรก พร้อมกับเคยชกมวยไทยอาชีพใช้ชื่อว่า ตาพระยา กิมเซียงก่อสร้าง ก่อนจะมาเปลี่ยนเป็นมวยสากล ตอน ม. 6 แต่ตอนนั้นก็ยังชกมวยไทยสลับไปมา มาจริงจังกับมวยสากลตอนจบ ม. 6 แล้วได้เข้ามาซ้อมที่สนามกีฬากองทัพบก ถ.วิภาวดี โดยมี พ.อ.ธง ทวีคูณกับพ.ท.สมรถ คำสิงห์ เป็นโค้ชคนแรกที่สอนเชิงมวยสากล

- ความรู้สึกถีงการคัดโอลิมปิกทั้ง 3 ครั้ง

การคัดโอลิมปิกของผมนั้น ในการคัดโอลิมปิก ครั้งแรกเมื่อปี 2012 เป็นการคัดในรายการชิงแชมป์โลก ปี 2011 ที่ประเทศอาร์เซอร์ไบจาน ตอนนั้นเอา 10 คน ในแต่ละรุ่น ผมมาแพ้รอบ 16 คน ต้องมาลุ้นให้คนที่ชนะผมผ่านเข้ารอบชิงให้ได้ เพื่อจะได้พ่วงผมไปโอลิมปิกด้วย สุดท้าย คนที่ชนะผมผ่านเข้ารอบชิง ทำให้ผมได้ไปโอลิมปิกเป็นคนที่ 10 พอดี ส่วนโอลิมปิก 2016 เป็นการคัดที่ยากที่สุด คัดเลคแรกในรายการชิงแชมป์โลกปี 2015 แต่เอาเพียง 3 คน ผมมาแพ้รอบ 8 คน ต้องมาคัดเลคสอง โซนเอเชีย&โอซีเนีย ที่ประเทศจีนปี 2016 เอา 3 คนเช่นกัน ผมมาคัดได้ในเลคนี้ ส่วนโอลิมปิก 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น ผมคัดได้ในเลคแรกโซนเอเชีย&โอซีเนียที่ประเทศจอร์แดน ความรู้สึก ดีใจและภูมิใจทุกครั้งที่ผ่านไปแข่งขันโอลิมปิกได้ครับ

- การวางแผนการชกในรอบคัดเลือกโอลิมปิก ครั้งนี้

รอบแรก ผมโชคดีได้บาย รอเจอคู่ระหว่างฟิลิปปินส์กับญี่ปุ่น แล้วเป็น เอียน คล๊าก เบาติสต้า นักชก ฟิลิปปินส์ที่ชนะ แล้วมาเจอกับผมในรอบสองนักชก ฟิลิปปินส์คนนี้เคยชกกันมาแล้วหลายครั้งโค้ชบอกว่าให้ชกเหมือนเดิมที่เคยชกมา แล้วผมก็ชนะได้ครับ

- รอบชิงโควตาเจอกับ เหงียน วาน ดอง จาก เวียดนาม

ก่อนชก คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเพราะเคยชนะมาแล้วในรอบชิงที่ซีเกมส์ 2019 แต่ก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น ช่วงต้นยกแรก ผมโดนชกที่ท้ายทอย เป็นหมัดฮุก แล้วโดนท้ายทอยของผม ทำให้ผมเมา เพราะท้ายทอยเป็นจุดรวมของเส้นประสาท พอเมาลุกขึ้นมา กรรมการนับถึง 8 ตอนนั้นผมหายเมาแล้ว มีสติสัมปชัญญะแล้ว แต่พอกรรมการให้ชกต่อ เขาก็เข้ามาฮุกเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้ไม่โดน ผมไม่ได้เมา ไม่เป็นอะไร แต่ผมเสียหลักล้ม ลุกขึ้นมากรรมการก็นับผมอีกครั้ง พอนับถึง 8 กรรมการก็ยุติการชก ผมก็งง คือผมไม่ได้เป็นอะไร ทำไมต้องยุติการแข่งขัน แต่ถึงตอนนั้นก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ในใจก็คิดว่า ยังมีโอกาสอีกครั้งในการชิงโควต้าตั๋วใบสุดท้ายกับเกาหลีใต้

- สำหรับรอบชิงโควต้า เป็นการชิงโควตากับ แฮม แซม ยอง จากเกาหลีใต้

ผมได้ ดูฟอร์มการชกของเขารอบที่ผ่านมา เป็นมวยไฟท์เตอร์ ก็วางแผนกับโค้ชว่าจะชกอย่างไร โค้ชบอกให้พลิกออกซ้าย-ขวา ไม่หนีมาก ต่อยใบหน้าสลับลำตัวด้วย พอถึงวันชก ก็ทำตามแผนที่วางไว้ แล้วก็ชนะได้โควต้าใบสุดท้ายมาได้ รู้สึกดีใจมากครับ แล้วภูมิใจในตัวเองที่สามารถคว้าตั๋วโอลิมปิกได้อีกสมัย เพราะครั้งนี้ก็ถือเป็นครั้งที่สามของผมแล้ว

- เป้าหมาย ในการชิงเหรียญโอลิมปิก 2020

ผมตั้งเป้าหมายในโอลิมปิกครั้งสุดท้ายของตัวเองไว้ว่า อยากจะทำผลงานให้ดีที่สุด อยากจะได้เหรียญรางวัลเหรียญใดเหรียญหนึ่งก่อนจะแขวนนวม แค่นี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จในชีวิตแล้วครับ

- ถือว่าเป็นหนึ่งในนักชกที่อายุมากที่สุดในโอลิมปิกครั้งนี้มีผลไหม

ในการชกโอลิมปิกปีหน้า อายุ จะ 36 ปี ถือว่า อายุมากแล้ว น่าจะมากที่สุดด้วย ถ้าถามว่ามีผลไหม ก็ถือว่ามีนะครับ ด้วยอายุที่มากแล้ว ทำให้ประสิทธิภาพของผมเองลดลง แต่ก็ไม่ได้ว่ามากมายไร เพราะผมก็รักษาร่างกายไว้อยู่ตลอดอยู่แล้วครับ

- ความรู้สึกของตัวเองและครอบครัว

ทุกคนก็ดีใจ โดยเฉพาะภรรยาและลูก ดีใจมากจะได้ดูผมชกในโอลิมปิกอีกครั้ง เพราะอายุผมก็มากแล้ว แต่ยังสามารถได้ไปโอลิมปิกอีกครั้ง และเป็นครั้งที่ 3 ด้วย ทุกคนก็ดีใจมากครับ







กลับหน้าหลัก